วันที่ 6 ตุลาคม 2565 เวลา 10.00 น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ครั้งที่ 1/2565 โดยมีนายทรงกลด สว่างวงศ์ รอง ผวจ.พช.ชรก.สป.มท. และคณะทำงานจาก สบจ. ประกอบด้วย นายกฤษณะ พินิจ ผอ.สบจ.สป. นายสันติ วงศ์จิระสวัสดิ์ ผอ.กสจ.สป. และนางสาวฉัตติมา สถาพรจิตรกุล นวค.ชพ.สบจ.สป. เป็นผู้แทนเข้าร่วมประชุมฯ ณ ห้อง 501 ชั้น 5 ตึกบัญชการการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งในที่ประชุมมีมติเห็นชอบ นโยบาย มาตรการและแนวทางในการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการ ในภูมิภาคของรองนายกรัฐมนตรี และกรอบแนวทางและกรอบวงเงินงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นของรองนายกรัฐมนตรี ในการอนุมัติให้แก่หน่วยงานของรัฐ เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ทั้งนี้ ประธานการประชุมฯ ได้กำกับให้
1. ขอให้เร่งรัดและติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานโครงการและขับเคลื่อนแผนงานอย่างจริงจังให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ให้บรรลุวัตถุประสงค์โดยเร็ว
2. ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วนและยั่งยืนตามสภาพปัญหาปัจจุบัน โดยเฉพาะปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง
3. พัฒนาและบูรณการระบบฐานข้อมูลดิจิทัลในการกำกับและติดตามผลปฏิบัติราชการในภูมิภาคเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตให้มีประสิทธิภาพ
4. ขอให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค
ในฐานะฝ่ายเลขานุการติดตามผลการดำเนินงานเพื่อสรุปให้ทราบอย่างต่อเนื่อง
5. ให้ทุกหน่วยงานรักษาวินัยการเงิน การคลัง ตามระเบียบของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนที่จะได้รับเป็นผลสำคัญ
6. การจัดทำโครงการต้องเป็นโครงการที่ไม่ซ้ำซ้อนกับส่วนราชการอื่น และโครงการต้องมีขนาดเล็ก เพื่อให้ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนของประชาชนได้เป็นจำนวนมาก
1. ขอให้เร่งรัดและติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานโครงการและขับเคลื่อนแผนงานอย่างจริงจังให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ให้บรรลุวัตถุประสงค์โดยเร็ว
2. ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วนและยั่งยืนตามสภาพปัญหาปัจจุบัน โดยเฉพาะปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง
3. พัฒนาและบูรณการระบบฐานข้อมูลดิจิทัลในการกำกับและติดตามผลปฏิบัติราชการในภูมิภาคเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตให้มีประสิทธิภาพ
4. ขอให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค
ในฐานะฝ่ายเลขานุการติดตามผลการดำเนินงานเพื่อสรุปให้ทราบอย่างต่อเนื่อง
5. ให้ทุกหน่วยงานรักษาวินัยการเงิน การคลัง ตามระเบียบของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนที่จะได้รับเป็นผลสำคัญ
6. การจัดทำโครงการต้องเป็นโครงการที่ไม่ซ้ำซ้อนกับส่วนราชการอื่น และโครงการต้องมีขนาดเล็ก เพื่อให้ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนของประชาชนได้เป็นจำนวนมาก